คนที่ประยุกต์ใช้เรื่อง EF ในการพัฒนาเด็กหรือการศึกษา ควรได้มองความเชื่อมโยงเข้าสู่ growth mindset ซึ่งเป็นความเชื่อหรือสมมติฐาน (assumption) ซึ่งใช้ได้กับทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องใด ตัวมนุษย์เองก็ตาม ปัญหาการศึกษาที่เราเผชิญความยากลำบากอยู่ก็ตาม หรือแม้แต่ปัญหาการเมืองที่เราเห็นอยู่ยากลำบาก หรือแม้แต่ปัญหาเศรษฐกิจก็เช่นกัน ถ้าเรามี growth mind set เราจะมีความเชื่อว่า “มันปรับปรุงได้ พัฒนาได้” พูดง่ายๆ ทำให้เราไม่ท้อถอย
growth mindset นั้น ตรงข้ามกับ fixed mindset ซึ่งทำให้เรายึดมั่น ถือมั่น อยู่กับสิ่งเดิมๆ วิธีการเดิมๆ สภาพเดิมๆ ถ้าพิจารณาจากเรื่องของมนุษย์ จะเห็นได้ชัดเจนว่า มนุษย์นั้นประกอบมาด้วยธรรมชาติที่ประเสริฐอย่างยิ่ง มีศักยภาพสูง แต่สภาพแวดล้อม ระบบ หลายๆ อย่างที่มนุษย์คิดและสร้างขึ้นตลอดมานั้นมีทั้งส่วนที่ส่งเสริมและส่วนที่เป็นอุปสรรค ทำให้พัฒนาการของตัวมนุษย์เองพัฒนาได้น้อยลงหรือชะงักไป ดังนั้นแนวคิดและวิธีการเรื่อง growth mind set จึงเป็นแรงผลักทางบวก
การที่เรามุ่งมั่นขับเคลื่อนที่จะพัฒนา EF ให้เกิดขึ้นในเด็กและเยาวชน ก็เพราะเรามี growth mindset เรามีความเชื่อว่าเราสร้าง EF ได้ เราจะมีพลังในการสร้าง สู้ หาวิธีมาจัดการส่งเสริม EF ในระบบต่างๆ ตามกำลังที่เราทำได้ ตรงกันข้ามกับ negative หรือ fixed mindset ซึ่งจะคอยบอกเราว่า อย่าทำเลย เสียเวลาเปล่า
และถ้าเราจะคิดหาวิธีต่อสู้ แก้ปัญหาหรือพัฒนาสิ่งใด การคิดของเราก็จะไปเชื่อมโยงกับการใช้ทักษะสมอง Executive Functions ที่มีความสามารถในการยั้งคิด มี working memory สูง มีการยืดหยุ่นไม่ยึดติด เราจะนำปัจจัยต่างๆ มาคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ผสมผสานกัน เพื่อวางแผนและหาทางดำเนินการต่อไปให้บรรลุ
จึงพูดได้ง่ายๆว่า growth mindset ใช้ได้ในทุกเรื่อง และ Executive Functions ก็จะเข้าไปหนุนการทำเรื่องเหล่านั้นให้บรรลุความสำเร็จได้
สื่อชุด พลังสมองเด็กไทย สร้างได้ด้วยพลังชุมชน
ความรู้จากบทสัมภาษณ์ ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พานิช