นักการศึกษาเชื่อว่า การเริ่มต้นเรียนรู้ใดๆ ก็ตามในเด็กวัย  สัมพันธภาพ หรือ relationship ระหว่างผู้สอนกับเด็ก ควรเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดเป็นอันดับแรก ไม่ใช่เฉพาะการสอนเด็กพิเศษเท่านั้นที่ต้องสร้าง relationship ก่อน   relationship เป็นกุญแจ เป็นประตูที่จะพาเด็กเข้าสู่การเรียนรู้ และเป็นการเรียนรู้ที่มีความสุข มีความหมาย (meaningful) กับผู้เรียน  ซึ่งถ้าครูไม่เปิดประตูนี้ออกไป สมองของเด็กก็จะไม่ทำงาน ทักษะสมอง EF ไม่พัฒนา  เพราะอยู่ในภาวะของความตื่นกลัว เด็กจะหดตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ที่ตัวเองรู้สึกปลอดภัยที่สุด หากความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับเด็กดีแล้ว ก็จะเกิดความวางใจต่อกัน  เด็กจึงจะเปิดใจเปิดสมองเรียนรู้ใดๆ ได้ 

ทั้งๆ ที่หลักการทางด้านการศึกษาเป็นเช่นนั้น แต่ครูส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้นึกถึงการสร้างสัมพันธภาพเพื่อเตรียมพร้อมทางด้านอารมณ์หรือสร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่เด็ก หากจะมีบ้าง เช่นการให้เด็กนั่งสมาธิก่อนเรียน ก็ยังไปไม่ถึงหัวใจของการเตรียมความพร้อมด้านอารมณ์ให้เด็กอย่างแท้จริง

         “เก็บเด็ก” ทำให้เด็กเรียนรู้ได้ดีจริงหรือ?     

คำว่า “เก็บเด็ก”ในแวดวงครูอนุบาล หมายถึง การทำให้เด็กมีความพร้อม มีสมาธิก่อนเริ่มกิจกรรมต่างๆ ในห้องเรียนปฐมวัย ซึ่งต้องใช้เทคนิควิธีการที่ดี เพราะเด็กอนุบาลกำลังเป็นวัยที่ซุกซนไม่อยู่นิ่ง ยังควบคุมตัวเองไม่ได้ การจะทำให้เด็กอยู่นิ่งก็เหมือนจับปูใส่กระด้ง และในความเป็นจริง ครูมักจะไม่มีวิธีการที่เหมาะสม ใช้การออกคำสั่งให้เด็กเงียบ ดุให้เด็กกลัว ให้นั่งนิ่ง หรือรุนแรงถึงขั้นให้เด็กอมลูกมะนาวก็มี เป็นการใช้ “อำนาจ”ในห้องเรียนเสียมากกว่า  

ครูจำนวนมากจะภูมิใจเมื่อเข้าห้องเรียนแล้วเด็กเงียบ เพราะครูติดอยู่ใน “อำนาจ” สั่งได้ สั่งแล้วมีคนทำตาม เป็นการสร้างแรงจูงใจอย่างหนึ่ง แรงจูงใจมี  3 แบบ ได้แก่ แรงจูงใจใฝ่อำนาจ แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์  ครูมักใช้แรงจูงใจใฝ่อำนาจ เพราะการใช้อำนาจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับครู เห็นผลทันที  ใช้การลงโทษควบคุมเด็กซึ่งมีพื้นฐานมาจากการไม่ “เคารพในความเป็นมนุษย์”ของเด็ก ไม่ได้คิดว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างครูกับเด็กเสียหาย หรือเกิดผลเสียระยะยาวต่อเด็กอย่างไรบ้าง 

 พบว่าครูไม่ค่อยใช้แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ ครูควรจะ control เด็กด้วย relationship หรือสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูกับเด็กมากกว่า ไม่ใช่ด้วยการใช้เสียงดัง ตวาด หรือใช้กฎ ระเบียบห้อง  relationship ต่างหากที่สามารถสยบเด็กก้าวร้าว อาละวาด ให้สงบลงได้อย่างแท้จริง เรียนรู้ต่อได้

ก่อนจะสอนต้องเริ่มสร้างสัมพันธภาพที่ดีก่อน

ครูปฐมวัยทุกคนรู้ดีว่าเด็กจะเรียนรู้ได้ดีต่อเมื่อได้เรียนรู้อย่างมีความสุข อย่างมีความหมาย แต่ครูก็ยังไม่สามารถทำให้เกิดผลตามที่มุ่งหวังได้ เพราะยังใช้วิธีการเดิมๆ เช่นใช้อำนาจในห้องเรียนดังกล่าว จึงไม่เกิดผลลัพธ์ดังที่ต้องการ  เพราะฉะนั้น หากต้องการให้เกิดผลที่แท้จริงและยั่งยืน  ก่อนจะสอนหรือพัฒนาเด็ก ครูต้องเริ่มที่การทำให้เกิด relationship หรือสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกันก่อน แล้วจึงค่อยสอนให้เด็กเริ่มมีทักษะต่างๆ เช่น การตระหนักรู้จักตัวเอง (self awareness) และทักษะอื่นๆ ต่อไป